NWR ลั่นพร้อมส่งมอบโครงการก่อสร้างสนามบินเบตง

NWR มั่นใจสิ้นปีนี้พร้อมส่งมอบท่าอากาศยานเบตงและเปิดให้บริการในกลางปี 2563 จะช่วยสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวทำให้เศรษฐกิจใน จ.ยะลาและจังหวัดใกล้เติบโต สำหรับรายได้ปีนี้คาดว่าจะเท่ากับปีที่ผ่านมา หลังได้รับปัจจัยลบในหลายๆ ด้าน ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 20,000 ล้านบาท

นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส แผนกธุรกิจใหม่ และวางแผนกลยุทธ์ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลา ว่า ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วกว่า 90% โดยมั่นใจว่าภายในปีนี้จะแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ทั้งนี้โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงแห่งนี้ ได้มีมติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2558 เห็นชอบให้ก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง ในกรอบวงเงิน 1,900 ล้านบาท ระยะเวลาในการดำเนินการก่อสร้าง 3 ปี โดยในปีงบประมาณ 2552-2555 ได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดิน จำนวน 920 ไร่ โดยบริษัทรับผิดชอบก่อสร้างในในส่วนทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดเครื่องบิน ระบบไฟฟ้าสนามบิน ถนนภายในและองค์ประกอบอื่นๆ โดยมีมูลค่างานตามสัญญาเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,316 ล้านบาท

ด้านกระทรวงคมนาคม รายงานว่า โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลาจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2562 นี้ โดยในส่วนของวิทยุการบิน ได้เริ่มดำเนินการในเรื่องของการจัดหาอุปกรณ์ การฝึกบุคลากร โดยได้มีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำการเปิดสนามบินในเดือนมิถุนายน 2563 ในส่วนของวิทยุการบินต้องมีการขออนุญาติจากสำนักงานการบินแห่งประเทศไทย สนามบินต้องขออนุญาติสนามบินสาธารณะ ส่วนวิทยุการบินก็จะตามมาประมาณ เดือนเมษายนและพฤษภาคม ถึงจะดำเนินการได้

ส่วนของอุตุนิยมวิทยา เตรียมดำเนินการติดตั้ง เมื่อหอบังคับการบินแล้วเสร็จ ประมาณเดือนพฤษภาคม ส่วนที่ยังขาดอยู่นั้น คือในเรื่องของบุคลากร ทางกระทรวงคมนาคมก็จะจัดทำโครงการเตรียมความพร้อมจัดหาเจ้าหน้าที่ใหม่ ที่ผ่านการอบรม และได้รับการอนุญาติจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ในยังอยู่ในกระบวนการประกาศ การจัดตั้งสนามบิน เรื่องของการประกาศเขตปลอดภัยสนามบิน ทางกรมท่าอากาศยานจะต้องขออนุญาติสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

ขณะที่ การเข้าออกสนามบิน ขณะนี้ทาง กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการก่อสร้างทางเข้าสนามบิน แยกมาจากถนนหมายเลข 4326 ประมาณ 857 เมตร ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นถนนช่วงสั้นๆ ส่วนการขยายถนนทางเข้าจากตัวอำเภอเบตง มาถึงสามแยกตำบลยะรม ประมาณ 8 กิโลเมตร ยังอยู่ในระหว่างการออกแบบ และจะดำเนินการจัดสรรงบประมาณในปี 2563

ทั้งนี้ จากภาพรวมทั้งหมดเป็นไปตามแผน โดยกำหนดเป้าหมายกับทุกหน่วยงานว่า เดือนมิถุนายน 2563 สนามบินน่าจะเปิดให้บริการได้อย่างเป็นทางการ

สำหรับในส่วนของการตลาด กรมท่าอากาศยานได้มีการพูดคุยกับทางสายการบินบางกอกแอร์เวย์และนกแอร์ ซึ่งมีเครื่องบินขนาดเล็กอยู่ ในระยะเริ่มต้นก็จะทำการบินเครื่องเล็ก เส้นทางการบินอยู่ในระหว่างให้ บางกอกแอร์เวย์และนกแอร์ พิจารณาเส้นทางการบินในลักษณะไหน ทั้งนี้ยังต้องดูตลาอยู่ มั่นใจว่าตลาดมีอย่างแน่นอน

โดยจะมีการบิน 2 แบบคือ เที่ยวบินตรง นักท่องเที่ยวมาเลเซียก็จะเดินทางเข้ามาเบตง เพื่อเดินทางจาก เบตง-ดอนเมือง และ ดอนเมือง-เบตง ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที สำหรับการบินด้วยเครื่องบินขนาดเล็กนั้น ทางกรมท่าอากาศยานได้ประสานกับ ปตท. สนับสนุนสถานีน้ำมันที่เบตง ขณะที่เที่ยวบินแบบต่อเครื่อง มีจุดแวะพัก ดอนเมือง-หาดใหญ่-เบตง

นอกจากนี้ในเรื่องเส้นทางท่องเที่ยว หวังให้มีการเชื่อมโยงระหว่างเมืองในพื้นที่ภาคใต้ ที่อาจจะเป็นอรกทางเลือกก็คือ เส้นทางบินหาดใหญ่-เบตง-ปีนัง-กัลลาลัมเปอร์ หรือ ภูเก็ต-หาดใหญ่-เบตง ที่จะเป็นการเชื่อมเมืองส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางเลือกหนึ่ง

ด้านพลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)  เผยว่า ท่าอากาศยานเบตงเริ่มต้นความคิดจากนายคุณวุฒิ มงคลประจักษ์ อดีตนายกเทศมนตรีเบตง จากนั้นในปี 2558  ครม.พลเอก ประยุทธ์ อนุมัติให้สร้างสนามบินเบตง โดยมีวิสัยทัศน์ว่าสนามบินแห่งนี้ อยู่ในแผนพัฒนา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครอบคลุม 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ซึ่งเดิมสนามบินนี้ทำรันเวย์ แค่ 1,800 เมตร แล้วมีการขยายเพิ่มอีก 300 เมตร เพื่อให้เครื่องบินแอร์บัส และโบอิ้ง 737 , 747 สามารถลงได้ โดยรัฐบาล คสช. มีวิสัยทัศน์เปิดประตูการค้าขาย เปิดประตูอาเซียนและการค้าเสรีด้วยปัจจุบันสนามบินเบตง อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดใช้บริการแบบครบวงจรในปี 2564 นำไปสู่ความเจริญหลายด้าน และพื้นที่นี้จะกลายเป็นศูนย์ท่องเที่ยวใหญ่ที่สุด นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ชาวไทยพุทธและมุสลิม อยู่กันอย่างมีความสุข นอกจากนี้ อ.เบตง เป็นพื้นที่ที่มีคุณลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่ และด้วยสภาพภูมิศาสตร์สนามบินเบตงห่างจากสนามบินอื่นเกิน 100 กิโลเมตรขึ้นไป โดยสนามบินที่ใกล้ที่สุดคือฝั่งมาเลเซีย สนามบินปีนัง

จึงเชื่อมั่นว่า หากสนามบินเบตงเปิดให้บริการสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ปีละ 1 ล้านคน และในชั่วโมงเร่งด่วนสามารถรับผู้โดยสารชั่วโมงละ 300 คน ถือว่าความฝันที่เบตงจะเป็นประตูการค้า ซึ่งถือเป็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตนดีใจที่ได้มาเห็นความสำเร็จ และขอให้การดำเนินงานผ่านไปด้วยความราบรื่นส่วนเรื่องความมั่นคง หน่วยงานความมั่นคงก็จะให้การสนับสนุนในทุกรูปแบบ เพราะจะสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีเศรษฐกิจที่ดี ความไม่สงบก็น่าจะเบาบางลง ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานในอนาคต ทาง กอ.รมน. ภาค 4 จะหารือกับการท่าอากาศยานฯ ต่อไป โดยสนามบินเบตง จะอยู่ภายใต้การดูแลของสนามบินนราธิวาส ขณะที่การดูแลในพื้นที่รอบนอก เป็นหน้าที่ของทหารและประชาชนในพื้นที่ร่วมกัน ซึ่งพื้นที่เบตงค่อนข้างจะมีความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว

ส่วนพันจ่าอากาศโทอนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เผยว่า ปัจจุบนมีบริษัทการบินที่สนใจจะนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินเบตงแล้ว คือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์และ นกแอร์ ได้เดินทางมาสำรวจเส้นทางการบินแล้ว เนื่องจากทั้ง 2 บริษัท มีเครื่องบิน 2 ใบพัด สามารถนำเครื่องบินมาลงได้ เพราะรันเวย์สนามบินเบตงที่มีความยาว 1,800 เมตร รองรับได้ ขณะที่แอร์เอเชีย ซึ่งมีแต่เครื่องบินขนาดใหญ่ เสนอให้ขยายรันเวย์เพิ่มเป็น 2,100เมตร นั้น ครม.เห็นชอบในหลักการแล้ว แต่อยู่ระหว่างกรมท่าอากาศยานศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายรันเวย์

ส่วนที่หลายฝ่ายได้แสดงความกังวลในเรื่องการแลนด์ดิ้งที่เกรงว่าอาจจะรุกล้ำเข้าน่านฟ้ามาเลเซีย นั้นนายอำเภอเบตง ยืนยันว่า ไม่รุกล้ำน่านฟ้ามาเลเซียแน่นอน ส่วนปัญหาหมอกอำเภอเบตง ที่มีตลอดทั้งปี จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงใกล้รุ่งจน 8-9 โมงเช้า จากนั้ท้องฟ้าจะเปิดปกติ เครื่องบินจึงลงตามปกติ

สำหรับยอดนักท่องเที่ยวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว เดิมจากปี 60 -61 มีนักท่องเที่ยว มาเลเซีย ยะลา มาเที่ยวที่ เบตง ปีละประมาณ 8 แสนคน แต่คาดว่าเมื่อสนามบินเปิดใช้เป็นทางการ คาดมีนักท่องเที่ยวเพิ่มกว่า 1 ล้านคน โดยทางเราได้เตรียมที่พัก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันช่วงเทศกาล ที่พักมีกว่า 2000 ห้อง ก็เต็มตลอด

“อำเภอเบตงจะสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์  โดยได้เน้นย้ำให้ชาวบ้านรักษาสิ่งแวดล้อม ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเบตง เพราะเรามีอากาศบริสุทธิ์มากที่สุดในประเทศไทย ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ได้ตลอด 365 วัน ท่ามกลางหมอก 360 องศา"นายอำเภอเบตง กล่าว

นายปสันน เผยต่ออีกว่า ในปี 2562 นี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 10,037 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 30-50% หลังจากที่การเปิดประมูลงานใหม่มีความล่าช้า และงานที่การประมูลแล้วเสร็จก็มีการล่าช้าด้วย ในขณะเดียวกันมีการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาลชุดใหม่ทำให้เกิดการหยุดชะงักของโครงการต่าง ๆ กระทบไปถึงผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/62 ที่จะส่งผลให้บริษัทยังมีผลขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาส 1/62 ที่ผ่านมาที่มีผลขาดทุนอยู่ 27.69 ล้านบาท

นอกจากนี้ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายได้รับผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV)  ทำให้ปรับลดเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิลงเหลือ 500 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมียอดโอนกรรมสิทธิราว 800 ล้านบาท

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 20,000 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ของมูลค่างานทั้งหมด โดยแบ่งเป็นงานที่เซ็นสัญญาแล้วมูลค่า 14,606 ล้านบาท และงานที่เตรียมเซ็นสัญญาเพิ่มอีกมูลค่า 4,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน สัญญาที่ 1 และโครงการทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมที่จะเข้าประมูลงานใหม่ 16,000 ล้านบาท โดยหวังที่จะได้งาน 15% จากมูลค่างานทั้งหมด

ทั้งนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสการเข้าประมูลงานใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีก มูลค่ารวมกว่า 56,000 ล้านบาท อาทิ โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟไทย-จีน ที่เหลืออีก 7 สัญญา และโครงการระบบรางอื่น ๆ ที่จะออกมาเพิ่มเติม

"สำหรับกรณีที่ภาครัฐจะนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400-425 บาทนั้น มองว่าจะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย 1-5% แต่อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถต่อรองกับผู้ว่าจ้างเพื่อที่จะเพิ่มเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (ค่า K) ซึ่งสามารถทดแทนกับต้นทุนที่สูงขึ้นได้"นายปสันน กล่าว

นายปสันน กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายว่า เตรียมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ เอสเพน คอนโด ลาซาน C มูลค่าโครงการ 820 ล้านบาท โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนกรรมสิทธิได้ในช่วงไตรมาส 4/63 ส่วนธุรกิจอาหาร ในปีนี้บริษัทเตรียมที่จะเปิดร้านอาหารแห่งที่ 3 เป็นร้านอาหารอิตาเลียน บนซอยสุขุมวิท 36 โดยคาดว่าจะเปิดในช่วงต้นไตรมาส 3/62 นี้ โดยในธุรกิจดังกล่าวยังคงได้รับการตอบรับที่ดีและยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง

  • date : 07-04-2020