CPT ผนึกกำลัง “ซีเมนต์” สยายปีกวาดงานสายไฟฟ้าลงดิน ลุยดัน Backlog ทะลุ 800 ลบ.

CPT จับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่ เดินหน้าธุรกิจรุกผลิตตู้ไฟฟ้าเสิร์ฟโครงการสายไฟฟ้าลงดิน มั่นใจผลงานแกร่งเร่งประมูลงานภาครัฐ-เอกชนเพิ่มมูลค่า 400-500 ล้านบาท ดัน Backlog 800 กว่าล้านบาท คาดรายได้เข้าเป้าเติบโตจากปีก่อนราว 10 เปอร์เซ็นต์

          นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT ผู้ให้บริการระบบไฟฟ้ากำลังสำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแก่ภาคอุตสาหกรรม ครอบคลุมไปถึงการจำหน่ายอุปกรณ์และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม อีกทั้งยังให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย ซึ่งดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 24 ปี ซึ่งมีความแตกต่างจากผู้ผลิตตู้ไฟฟ้ารายอื่นในประเทศไทย

         ทั้งนี้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ผู้นำด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ และการจัดการด้วยระบบดิจิทัลระดับโลก ซึ่งแต่งตั้งให้ CPT เป็นพันธมิตรทางการค้าที่สำคัญในประเทศไทย และได้มอบ “License Partner” เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยซีเมนส์จะถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิศวกรรมต่างๆ ในการผลิตตู้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับโลก (World-class Standard) ให้บริษัทฯ สามารถผลิตสินค้าตู้ไฟฟ้าและบริการภายใต้แบรนด์ ‘SIEMENS’

         ซึ่งจะมีมีส่วนช่วยสำคัญให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจไปได้ในแทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีความต้องการใช้ระบบไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือและต้องการตู้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับสูง สามารรถคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของตลาดตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าทั้งหมด ดังนั้น การร่วมเป็นพันธมิตรกับ ซีเมนส์ จึงเป็นการเปิดโอกาสที่สำคัญมากของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น

        “การร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้ากับกลุ่มซีเมนส์ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญของ CPT ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายการันตีถึงคุณภาพของสินค้าที่ CPT เป็นผู้ผลิต ซึ่งได้มาตรฐานระดับโลกจนได้รับการยอมรับจากผู้นำนวัตกรรมด้านวิศวกรรมไฟฟ้าระดับโลกอย่างซีเมนส์ โดยเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างการเติบโตรอบใหม่ให้แก่ธุรกิจ เพื่อรองรับแผนงานขยายตลาดตู้ไฟฟ้าไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้น” สมศักดิ์ กล่าว

        ด้านนายมนต์ชัย ธัญธเนส รองกรรมการและผู้จัดการฝ่ายขายและวิศวกรรม บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT กล่าวว่า ซีเมนส์มีความแข็งแกร่งด้านโซลูชั่นระบบไฟฟ้า ด้วยความเชี่ยวชาญของซีเมนส์ เช่น ระบบ Automation จะเป็นโอกาสให้ CPT ได้เติบโตในธุรกิจที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และงานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จากเดิมที่ลูกค้าจะอยู่ในอุตสาหกรรมหนัก เช่น อุตสาหกรรมน้ำตาล และอุตสาหกรรมกระดาษ เป็นต้น

        ทั้งนี้ CPT ได้ลงทุนสร้างโรงงานใหม่กว่า 200 ล้านบาท เพื่อผลิตตู้ไฟฟ้าแบรนด์ “SIEMENS” โดยมีกำลังการผลิต 3,000 ตู้/ปี ขณะที่กำลังการผลิตตู้ไฟฟ้าเดิมอยู่ที่ 7,000 ตู้/ปี โดยหลังจากการทำข้อตกลงความร่วมมือกับทางซีเมนส์แล้ว บริษัทฯ ก็จะเริ่มส่งเจ้าหน้าที่ไปฝึกอบรมยังประเทศเยอรมนี เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับโลกตาม Platform ของซีเมนส์ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยจะมีฝ่ายเทคนิคแนะนำการผลิตตู้ไฟฟ้าตามแคตตาล็อกที่ระบุไว้ ก่อนที่บริษัทฯ จะเริ่มทดสอบการผลิตผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Prototype) ซึ่งคาดว่าบริษัทฯ จะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาส 3 และจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4 ปี 2562 โดยคาดว่าปีนี้ยอดขายตู้ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ จากโครงการก่อสร้างต่าง ๆ

        ทั้งนี้ ตลาดในประเทศไทยถือว่ามีความแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะจากการเร่งลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตของทั้งสองบริษัทในระยะยาว

ลุยประมูลงานใหม่

         นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มอีกว่า บริษัทยังเดินหน้าร่วมประมูลงานในอุตสาหกรรมน้ำ มูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 400-500 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจากการประปานครหลวง และกรมชลประทาน โดยคาดว่าจะทยอยรู้ผลออกมาในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2562 มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท รวมถึงงานที่ประมูลร่วมกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างคาดว่าจะสามารถสรุปราคาภายในปีนี้

         และล่าสุดบริษัทได้รับงานจาก บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW เข้ามาเพิ่มอีกจำนวน 100 ล้านบาท

         ขณะที่การตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนยังเป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัท เพื่อสร้างเสถียรภาพการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว ทั้งในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียที่มีการเติบโตของกลุ่มโรงงานน้ำตาลที่ขยายการลงทุนก่อสร้างโรงงานน้ำตาลเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการร่วมประมูลงานหลายโครงการ และคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้

  • date : 07-04-2020