สเตรกาลั่นความสำเร็จโครงการ NFPT

สเตรกา บริษัทย่อยไทรทัน โฮลดิ้ง ประกาศความสำเร็จโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) (Nothern Fuel Pipline Transportation Project: NFPT) เป็นไปตามเป้าหมาย ด้านไทรทันโชว์ศักยภาพปี 2561 ทำกำไร 148.66 ล้านบาท ได้รับเงินสดกว่า 500 ล้านบาทจาก PP แล้ว เตรียมเข้าดำเนินงานในโครงการยักษ์หลังผ่านมติ AGM ล่าสุดจับมือ RKE บริษัทย่อยใน Road King Infrastructure Limited

นางสาวหลุยส์ เตชะอุบล ประธานกรมการบริหาร บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) (Nothern Fuel Pipline Transportation Project: NFPT) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท สเตรกา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ว่า ปัจจุบันโครงการเฟสที่ 1 ระยะทาง 367 กิโลเมตร จากคลังน้ำบางปะอิน ไปถึง จ. พิจิตร ทั้งด้านงานขุดและการวางท่อเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ส่วนระยะที่ 2 นั้นปัจจุบันมีความก้าวหน้าตามลำดับ     

สำหรับโครงการนี้บริษัทใช้เทคนิคการวางใน 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. การขุดเจาะแบบเปิดหน้าดิน (Open- Cut) คือ การขุดเจาะแบบเปิดหน้าดินนั้นเป็นวิธีการที่ใช้ทั่วไปสำหรับการวางท่อใต้ดิน โดยเริ่มต้นด้วยการขุดร่องให้มีขนาดความยาว และความลึกเยงอสำหรับการวางท่อ ซึ่งมีลักษณะเป็นการเปิดหน้าดิน หลังจากนั้นจึงนำท่อที่ได้เตรียมไว้แล้ว วางลงไปยังร่องหลุมที่ได้จัดเตรียมไว้ เมื่อวางท่อเสร็จสิ้นจึงทำการฝังกลบหลุมดังกล่าง และปรับสภาพดินให้คืนสภาพเดิม วิธีการวางท่อใต้ดินแบบ Open-Cut ดังกล่าวเป็นวิธีที่สะดวกและค่าใช้จ่ายเหมาะสมกว่าการขุดเจาะแบบอื่น แต่ไม่สามารถขุดเจาะลอดเมื่อเจอสิ่งกีดขวางหรืออุปสรรคเช่น ถนน หรือแม่น้ำ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีการที่นิยมใช้ในการขุดเจาะวางท่อ แต่ไม่สามารถขุดเจาะได้ในทุกสภาพภูมิประเทศ

2. การขุดเจาะแนวราบแบบไม่เปิดหน้าดิน (Horizontal Directional Drilling : HDD) การขุดเจาะวางท่อแบบ HDD เป็นการขุดเจาะแนวคว้านลอดใต้สิ่งกีดขวาง ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับการวางท่อขนส่งก๊าซและน้ำมัน สำหรับวิธีการขุดเจาะดังกล่าวจะเริ่มต้นด้วยการเตรียมพื้นที่สองฝั่ง คือ จุดเจาะเข้า (Entry Point) และจุดออก (Exit Point) หลังจากนั้นจะเริ่มทำการขุดเจาะนำร่อง เพื่อให้หัวขุดเจาะทำการเจาะดินเป็นโพรงผ่านไปยังจุดออก หลังจากนั้นจึงทำการดึงด้วยหัวคว้าน (Reamer) พร้อมกับใช้สารละลายจากการผสมเบนโทไนท์เข้าไปแทนที่ เพื่อคงสภาพให้โพรงที่ได้ขุดเจาะไว้แล้วไม่พังทลายลงมา เมื่อทำการขุดเจาะคว้านหลุมได้ขนาดที่เหมาะสมแล้วจึงใช้กระบวนการดึงท่อเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

3. การดันลอด (Boring) เป็นวิธีการวางท่อโดยไม่เปิดหน้าดินอีกวิธี แต่วิธีการขุดเจาะที่แตกต่างกันเล็กน้อย กล่าวคือ วิธีการขุดเจาะจะเริ่มจาการเตรียมบ่อส่งอีกฝั่งหนึ่ง และบ่อรับอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อทำการขุดเจาะลอดผ่านออกมายังบ่อรับ ซึ่งวิธีการขุดเจาะแบบดังกล่าวเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับการวางท่อผ่านถนน หรือทางรถไฟ ซึ่งมีระยะทางสั้น และมีพื้นที่เนื้อที่สำหรับการวางเครื่องจักรไม่มาก

ทั้งนี้โครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) (Nothern Fuel Pipline Transportation Project: NFPT) บริษัท สเตรกา จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามเซ็นสัญญากับ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งดำเนินการลงทุน ก่อสร้าง และบริหารโครงการขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อ มูลค่าโครงการ 3,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ FPT มีความประสงค์จะก่อสร้างระบบท่อขนส่งน้ำมันจากคลังน้ำมันบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) เพื่อขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อไปยังคลังน้ำมัน จ.ลำปาง ระยะทางการก่อสร้างรวม 600 ก.ม. โดยมีการก่อสร้างด้วยรูปแบบการขุดเปิดหน้าดิน (Open Cut) และการขุดเจาะแบบไม่เปิดหน้าดิน (Horizontal Directional Drilling: HDD) โดยบริษัทเริ่มดำเนินการช่วงไตรมาส 3 ปี 2560 แล้วเสร็จตามกำหนดในปี 2562

“สำหรับอุตสาหกรรมการขุดเจาะวางท่อใต้ดินเริ่มมีในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่สำหรับระบบการขุดเจาะวางท่อด้วยรูปแบบ HDD ในอดีตนั้น ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากยังไม่มีผู้ที่เชี่ยวชาญในประเทศไทย ซึ่งหากต้องการใช้รูปแบบการขุดเจาะวางท่อแบบ HDD จะต้องอาศัยบริษัทจากต่างประเทศเป็นหลัก ดังนั้นคุณจอห์น โรเบิร์ต บาร์ตัน ผู้มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในด้านการขุดเจาะวางท่อแบบ HDD จึงเห็นโอกาสของความต้องการและการเติบโตในอุตสาหกรรมการขุดเจาะวางท่อด้วยรูปแบบ HDD ในประเทศไทย และจึงได้เริ่มก่อตั้งบริษัทเพื่อให้บริการรับเหมาขุดเจาะด้วยรูปแบบ HDD ในประเทศไทย และจึงได้เริ่มก่อตั้งบริษัทเพื่อให้บริการรับเหมาขุดเจาะด้วยรูปแบบ HDD ดังกล่าวโดยเฉพาะ

บริษัทเป็นผู้รับเหมาช่วงสำหรับการวางท่อใต้ดินด้วยวิธีการขุดเจาะวางท่อแบบ HDD ซึ่งเป็นการขุดเจาะที่ต้องอาศัยความชำนาญและความเชี่ยวชาญพิเศษ เนื่องจากผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถมองเห็นสภาพการทำงานใต้พื้นดินได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ กอปรกับเครื่องมือ เครื่องจักรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะสามารถอำนวยความสะดวกในการขุดเจาะ บอกพิกัดตำแหน่งที่แม่นยำและมีความผิดลาดน้อยที่สุด งานขุดเจาะท่อในรูปแบบ HDD นั้น จะเป็นทางเลือกสำหรับการขุดเจาะเมื่อการวางท่อแบบเปิดหน้าดิน (Open-Cut) นั้นไม่เหมาะสม เนื่องจากสภาพพื้นที่ สิ่งแวดล้อม อุปสรรคและสิ่งกีดขวาง เช่น ถนน หรือ แม่น้ำ หรือปัจจัยอื่นๆ อีกทั้งการขุดเจาะแบบ HDD ยังส่งผลกระทบอย่างน้อยที่สุดต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยหรือผู้สัญจรไปมาในเขตดังกล่าว” นางสาวหลุยส์กล่าว

นางสาวหลุยส์กล่าวอีกว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ บริษัทที่เป็นเจ้าของโครงการเกี่ยวกับการขุดเจาะวางท่อใต้ดิน อย่างเช่น การวางท่อก๊าซและท่อน้ำมันสายหลัก และท่อสาขา ได้แก่ กลุ่มปตท. การวางท่อส่งน้ำ ของการประปาส่วนภูมิภาค กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มธุรกิจปั๊มน้ำมัน และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณูปโภค อาทิเช่น ท่อสายไฟ ท่อน้ำเสีย และท่อโทรคมนาคม รวมถึงกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)  บริษัท โพลีเทคโนโลยี จำกัด เป็นต้น ส่วบริษัทจากต่างประเทศจะเป็นบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ เช่น บริษัท Punj Lloyd บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไพพ์ไลน์ บูโร    

ด้านการแข่งขัน ปัจจุบันบริษัทมีคู่แข่งขันในที่ประเทศที่ประกอบธุรกิจเหมือนกันกับบริษัท และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มเดียวกันอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบบริษัทกับคู่แข่งแล้ว ยังถือว่าบริษัทเป็นผู้นำตลาดในการให้บริการรับเหมาขุดเจาะวางท่อแบบ HDD เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์มานาน มีทีมงานวิศวกรและบุคลากรทีมงานพร้อม มีเครื่องจักรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถขุดเจาะวางท่อที่มีเส้นผ่าศูนย์การขนาดใหญ่ และระยะทางที่ยาวกว่าคู่แข่งได้ นอกจากนี้การที่บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008 Certification Scope : Installation of pipeline using hirzontal directional drilling เพียงบริษัทเดียวในประเทศไทย เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงมาตรฐานและคุณภาพงานที่บริษัทส่งมอบให้กับลูกค้าผ่านไปยังเจ้าของโครงการจนเป็นที่ยอมรับในวงการธุรกิจรับเหมาขุดเจาะท่อใต้ดินแบบ HDD

กลยุทธ์ทางด้านการตลาด บริษัทมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพของการให้บริการ และการส่งมอบงานตามกำหนดเวลาเป็นหลัก โดยบริษัทมีปรัญชาการทำงานประจำบริษัทที่กล่าวไว้ว่า “เราจะดำเนินการทุกโครงการที่เราทำให้ลุล่วง” หรือ “We finish every project we start” ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทยังไม่เคยมีโครงการใดที่บริษัทไม่สามารถส่งมอบงานได้อันเนื่องมาจากปัญหาของบริษัท รวมถึงด้านราคาบริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลงานเป็นหลัก เนื่องจากโครงการที่เกี่ยวกับการวางท่อก๊าซและท่อน้ำมันนั้นจะต้องมีความปลอดภัยสูง โดยบริษัทไม่มีนโยบายที่จะลดต้นทุนเกินความจำเป็นจนกระทบคุณภาของงาน บริษัทเลือกใช้แต่เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีคุณภาพใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยาชาญ มีความรู้ความสามารถ ถึงแม้ว่าจะมีต้นทุนค่อนข้างสูง และบริษัทยังมีการบำรุงรักษาเครื่องมือ เครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้มีข้อบกพร่องระหว่างการทำงาน

ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย เนื่องจากบริษัทถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการรับเหมาขุดเจาะวางท่อแบบ HDD มาเป็นระยะเวลายาวนาน อีกทั้งยังมีผลงานและชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับมาโดยตลอด ในอดีตที่ผ่านมามีบางกรณีที่เจ้าของโครงการได้มีการติตด่อขอคำแนะนำเบื้องต้ยเกี่ยวกับการขุดเจาะท่อในส่วนงาน HDD ในขณะที่โครงการดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาโครงการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นที่ยอมรับในวงการรับเหมาขุดเจาะวางท่อแบบ HDD ของบริษัท

และการประชาสัมพันธ์ เนื่องจากธุรกิจรับเหมาขุดเจาะวางท่อในส่วนงาน HDD เป็นธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะและมีกสารรับรู้เฉพาะกลุ่มในวงจำกัดเท่านั้น คือ เจ้าของโครงการ และผู้รับเหมาหลัก ดังนั้นบริษัทจึงไม่มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ หรือส่งเสริมการตลาดในวงกว้างเพียงแต่บริษัทจะใช้ชื่อเสียงของบริษัทที่สั่งสมมายาวนาน กอปรกับประวัติความสำเร็จของการทำงานในโครงการต่างๆ ที่สำคัญ รวมถึงการให้คำปรึกษาแก่เจ้าของโครงการในการพัฒนาโครงการ ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสร้างความภักดีต่อตราสินค้าและบริการ (Brand Loyalty) ของบริษัท ส่งผลให้ทั้งในส่วนของเจ้าของโครงการและผู้รับเหมาหลักเลือกบริษัทเป็นคู่ค้าอันดับต้นๆ

นางสาวหลุยส์กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2561 ต่อตลาดหลักทรพัย์แห่งประเทศไทย ว่า  บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN มีผลการเติบโตที่ชัดเจนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ พลิกจากผลขาดทุน -38.81 ล้านบาทในปี 2560 มามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 148.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเปลี่ยนแปลง 483.03 % โดยในปี 2561 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,425.33 ล้านบาทจากการเข้าดำเนินงานในธุรกิจก่อสร้างทั้งในและต่างประเทศ อันถือเป็นการเติบโตที่น่าพอใจ

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับเงินจากการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ที่ออกให้แก่ Asia Alpha Equity Fund 3 เป็นเงินจำนวน 15,357,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (จำนวน 1,400,000,000 หุ้น) และจากบริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวน 70,000,000 บาท (จำนวน 200,000,000 หุ้น) เรียบร้อยแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมและมั่นใจในการเข้าลงทุนกับบริษัทฯ

แม้จะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับวันครบกำหนดจองและชำระเงิน ที่ทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ แต่ประเด็นดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อแผนการใช้เงินและแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อีกทั้งนักลงทุนทั้ง 2 ราย จะไม่จะขอเงินคืน อยู่ในกำหนดระยะเวลาห้ามขายหุ้น (Silent Period) และในระหว่างนี้บริษัทจะไม่นำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้

 ทั้งนี้บริษัทฯจะนำเรื่องการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงเข้าเสนอต่อที่ประชุมสามัญประจำปี 2562 เพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นอีกครั้ง เมื่อมติดังกล่าวได้รับการอนุมัติพร้อมจดทะเบียนเรียบร้อย บริษัทสามารถเริ่มดำเนินงานได้ทันที ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโครงการที่บริษัทฯได้ลงนามความร่วมมือคู่กับบริษัท สยาม แอลเอ็นจี จำกัด ในโครงการ Siam LNG Storage Tank and Jetty (Phase1) ที่คาดการมูลค่าได้ราว 9,000 ล้านบาท

 ปัจจุบันบริษัทฯมีเงินสดรวมอยู่ราวพันล้านบาท ไม่มีสภาพหนี้สะสม ซึ่งสองสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมให้บริษัทฯมีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนหรือแข่งขันในโครงการใหม่ๆที่บริษัทฯมีความชำนาญ ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจเป็นอันดับต้นๆของประเทศ

ล่าสุด บริษัทงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ RKE International Holdings Limited (RKE) เพื่อความร่วมมือทางกลยุทธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ โดยบริษัทเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการเติบโตและการขยายตัวของงานพัฒนาโครงการค่าผ่านทางและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์วัสดุก่อสร้างอันเนื่องมาจากการขาดแคลนอุปกรณ์ในภูมิภาค

RKE เป็นบริษัทย่อยของ Road King Infrastructure Limited ดำเนินธุรกิจลงทุนและเป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับทางด่วนที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมทางพิเศษมากว่า 20 ปี มีการลงทุนที่หลากหลาย ปัจจุบันก่อสร้างทางด่วนกว่า 5 สาย ระยะทางรวม 340 กม.

นาย เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเสริมว่า "TRITN ในฐานะบริษัทก่อสร้างที่ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งต่างๆ เชื่อมั่นว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากโครงการ One Belt One Road Initiative และคาดว่าจากสถานะทางสังคมและการเมืองที่แข็งแกร่งของไทยที่จะเกิดขึ้นภายในปีหน้าจะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ธุรกิจของบริษัทก้าวเดินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

ในปี 2018 ที่ผ่านมานี้ TRITN ได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรคุณภาพในหลายโครงการเช่น การอนุมัติการเข้าเพิ่มทุนในหุ้นของบริษัทฯแบบเฉพาะเจาะจงให้กับ Asia Alpha Equity Fund 3 และ Brooker Group Public Company, การลงนามความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ China Railway Construction Corporation Limited (CRCC) และการลงนามความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ SIAM LNG อันเป็นสัญญาณที่ดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2019 ที่จะถึงนี้

อนึ่ง บริษัท สเตรกา จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท รับเหมาก่อสร้างที่มีความชำนาญหลากหลายทางด้านวิศวกรรม, การจัดซื้อจัดจ้าง, การก่อสร้าง, การเป็นผู้นำทางด้านการออกแบบ และการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาประยุกต์ใช้ ด้วยความรู้ความสามารถที่มี บริษัท สเตรกา จำกัด (มหาชน) มีความมุ่งมั่นในการนำเสนอการบริการแบบครบวงจร โดยเริ่มตั้งแต่การบริการทางด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ การขนส่งท่อ การก่อสร้าง รวมถึงโรงกลั่น และผลิตภัณฑ์เคมีจากน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัท สเตรกา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการให้บริการการขุดเจาะวางท่อ ใต้ดินในแนวราบโดยไม่เปิดหน้าดิน (Horizontal Directional Drilling-HDD) ขณะเดียวกัน เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างชื่อเสียงขององค์กรให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ

บริษัท สเตรกา จำกัด (มหาชน) มีความพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการด้านวิศวกรรม, จัดหาและจัดจ้าง, การบริหารงานก่อสร้าง พร้อมกันนี้เราให้บริการทางด้าน EMPC สำหรับโรงงานการผลิตน้ำมันและก๊าซ, โรงกลั่นน้ำมันและโรงงานปิโตรเคมี เรามีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม และการบริหารโครงการที่มีประสิทธิภาพ สำหรับโครงการของลูกค้า รวมถึง การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่มีความทันสมัย พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในกระบวนการอำนวยความสะดวกติดตั้งอุปกรณ์ ไฟฟ้า และอุปกรณ์ต่างๆ

วิสัยทัศน์      

E.P.C.F เป็นการให้บริการแบบครบวงจร คือ การให้บริการทางด้านวิศวกรรม, การวางแผนด้านจัดซื้อจัดจ้าง, การบริการ ด้านก่อสร้าง และบริการทางด้านการเงิน ด้วยการบริหารงานวิศวกรรม แบบมืออาชีพ

ค่านิยมหลักขององค์กร      

1. ความซื้อสัตย์สุจริต ความมีจริยธรรมเป็นรากฐานสำคัญของ บริษัท สเตรกา จำกัด (มหาชน) เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริษัทฯ ของเราด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม และด้วยความมุ่งมั่นของเรามีผลให้บริษัทฯ มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า

2. บุคคลากรของบริษัท เราสร้างทีมงานโดยมุ่งเน้นในการนำผลผลิต ความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพให้มีความหลากหลาย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของบุคคลากร, สังคม และสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

3. คำนึงถึงต้นทุนการผลิตเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นที่จะบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทฯ รวมถึง ต้นทุนจากลูกค้าด้วยเช่นกัน

ที่มาโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) (Nothern Fuel Pipline Transportation Project: NFPT)  

ตามที่กระทรวงพลังงานเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ จึงได้ส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุนขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (Fuel Pipeline Transportation Limited : FPT) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2534 เป็นผู้ให้บริการท่อขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก และคลังน้ำมันช่องนนทรีไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมืองและคลังน้ำมันบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มากว่า 25 ปี เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่สามารถสร้างผลตอบแทนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมสูง จึงลงทุนขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ ด้วยเงินลงทุน 9,700 ล้านบาท โดยแนวท่อจะต่อจากระบบท่อเดิมที่คลังน้ำมันบางปะอิน ไปสิ้นสุดที่คลังน้ำมันจังหวัดพิจิตรและคลังน้ำมันนครลำปางระยะทาง 576 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างเดือนสิงหาคม 2559 แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ต้นปี 2562

ประโยชน์

ประเทศชาติ

ส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันของประเทศ

พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งน้ำมันไปยังภูมิภาค

นำความเจริญไปสู่สากล รองรับการขยายตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC)

ประชาชน

มีความมั่นใจว่าระบบการขนส่งน้ำมันเป็นระบบที่มีเสถียรภาพ มีความปลอดภัยสูงจึงมีความเชื่อมั่นว่าน้ำมันไม่ขาดแคลนจากปัญหาการขนส่งหรือในยามฉุกเฉิน

ประชาชนในภาคเหนือได้ใช้น้ำมันในราคาที่ใกล้เคียงกับกรุงเทพ ปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่

ภาคธุรกิจ

ส่งเสริมนโยบายการค้าเสรีโดยผู้ค้าน้ำมันทุกรายมีสิทธิเข้าใช้บริการเท่าเทียมกัน

ลดต้นทุนการขนส่งน้ำมัน

สิ่งแวดล้อม

ลดภาวะโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กว่า 30,000 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าต่อปี

  • date : 17-06-2019