น้ำตาลนครเพชรปักธงปี 2561/2562 ย้ำคุณภาพการผลิตกว่า 4 หมื่นตัน/วัน
น้ำตาลนครเพชร ประกาศความพร้อมรับการหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 2561/2562 หลังจับมือพันธมิตรคุณภาพปรับปรุงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต ชูการผลิตที่เป็นไปตามระบบมาตรฐานคุณภาพในระดับสากล อัดกกำลังการผลิตกว่า 4 หมื่นตันอ้อยต่อวัน ด้าน สอน. เตรียมดแนวทางเพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อยด้วยการะส่งเสริมให้มีการนำน้ำตาลส่วนเกินไปผลิตเป็นเอทานอลเพื่อผสมน้ำมันเบนซินในการจำหน่ายเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ หลังราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำลงเป็นประวัติการณ์
นายบัณฑิต ผาณิตพิเชฐวงศ์ กรรมการบริหารบริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด (ในกลุ่มน้ำตาลบ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงงานน้ำตาลนครเพชรเตรียมพร้อมที่จะเปิดการหีบอ้อยในฤดูการผลิต 2561/2562 โดยบริษัทยังคงให้ความสำคัญตั้งแต่พื้นที่การปลูก พันธุ์อ้อย การให้ความรู้ขั้นตอนการปลูกอ้อย การให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย จนถึงการตัดส่งเข้าสู่โรงงานเพื่อผลิตเป็นน้ำตาล ส่วนการผลิตนั้นบริษัทเน้นกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและได้คุณภาพของผลผลิตที่สูง โดยการตรวจวัดมาตรฐานคุณภาพอ้อย เพื่อลดปัญหาอ้อยปนเปื้อนและอ้อยไฟไหม้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย จะต้องร่วมมือกันเพื่อยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรม โดยเบื้องต้นโรงงานน้ำตาลทรายทุกโรงจะเพิ่มระดับความเข้มงวดในการวัดคุณภาพผลผลิตอ้อย เพื่อให้ประสิทธิภาพการหีบสกัดเป็นน้ำตาลทรายได้สูงสุด ซึ่งเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะส่งผลดีต่อทุกฝ่ายทั้งชาวไร่และโรงงานน้ำตาลทราย
ทั้งนี้การผลิตของโรงงานนครเพชร แบ่งออกเป็นน้ำตาลทรายดิบด้วยกรรมวิธีดิฟเคชั่น น้ำตาลทรายขาวธรรมดา ด้วยกรรมวิธีคาร์บอเนชั่น และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ด้วยกรรมวิธีคาร์บอเนชั่น และเรซิน ซึ่งเป็นขั้นตอนในการผลิตที่ได้มาตรฐาน ซึ่งกระบวนการผลิตโรงงานน้ำตาลนครเพชรใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและได้ปริมาณน้ำตาลที่สูง รวมถึงใช้ระบบมาตรฐานคุณภาพ ISO9001:2008, HALAL และGMP เข้ามาควบคุมเพื่อให้ได้คุณภาพเป็นที่ยอมรับในตลาดสากล นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่เกษตรกรและการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เพราะเชื่อว่าเกษตรกรและบุคลากรคือทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของบริษัทฯที่ทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งน้ำตาลนครเพชรยังคงมุ่งมั่นพัฒนาปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาล เพื่อใช้ประโยชน์จากอ้อยให้ได้สูงสุด ซึ่งทุกปีมีซัพคอนแทร็คเตอร์ในด้านต่างๆ เข้ามาบำรุงรักษาเครื่องจักร รวมทั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด กาญจนบุรี เอ ที เซอร์วิส ซึ่งมีประสบการร์สูงและความเชี่ยวชาญพด้านงานโอเวอร์ฮอลเทอร์บาย และเจเนอร์เรเตอร์ ทำให้มั่นใจกระบวนการผลิตมีประสิทธิผลและได้ผลผลิตตามเป้าหมายที่วางไว้
“ทั้งนี้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด กาญจนบุรี เอ ที เซอร์วิส ถือเป็นพันธมิตรของบริษัทเพราะทำงานด้วยกันเป็นอย่างดีมาเป็นระยะเวลานาน รวมถึงที่ผ่านมาทำงานได้ดีมีคุณภาพ ระยะเวลาส่งมอบงานตรงตามกำหนดเวลา ทำให้บริษัทมั่นใจเมื่อส่งมอบงานให้ไปทำ”
อย่างไรก็ตามนอกหนือจากการผลิตที่ได้คุณภาพที่โรงงานน้ำตาลนครเพชรกำหนดแล้ว เรื่องกิจกรรมทางด้านสังคมก็ได้ให้ความสำคัญเช่นกัน โดยที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมและเข้าร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากมาย ได้แก่ ร่วมสนับสนุนงบประมาณจัดกีฬาต้านภัยยาเสพติด กลุ่มโรงเรียนเทพนคร จำนวน 11 โรงเรียน ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร วันอังคารที่ 9 ตุลาคม 2561 ณ โรงเรียนบ้านเทพนคร
ร่วมบริษัท นครเพชรกรีนเนอร์ยี่ ดำเนินการจัดทำโครงการ"ทำดีจากใจ นครเพชรห่วงใย ร่วมใจบริจาคโลหิต" โดยศูนย์รับบริจาคโลหิตสภากาชาดไทย จ.กำแพงเพชร และโรงพยาบาลกำแพงเพชร ร่วมกับพนักงาน สนับสนุนงบประมาณผ้าป่าการศึกษา โรงเรียนบ้านหนองละมั่งทอง อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร ประจำปี2561 รวมเป็นเงิน 21,034 บาท พร้อมน้ำตาลทราย 2 กระสอบมอบโครงเหล็กชั้นวางของมัจฉาพาโชค จำนวน 4 ชุด และน้ำตาลทรายจำนวน 250 กิโลกรัม ให้กับวัดท่าตะคร้อเขาทอง ในงานปิดทองไหว้หลวงพ่อใหญ่พุทธนิมิตร ประจำปี2561มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้สูงอายุฯ ตามโครงการบริษัทฯ ร่วมกับเทศบาลตำบลเทพนคร ประจำเดือนมกราคม 2561 ภายในตำบลเทพนคร รวมทั้งสิ้น 18 ราย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนงบประมาณ อุปกรณ์ฝึกซ้อมให้กับทีมฟุตบอลโรงเรียนชุมชนบ้านคณฑี(ประสิทธิ์อุปถัมภ์) หมู่ 9 ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ร่วมดำเนินกิจกรรมภายใต้ "โครงการมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้สูงอายุฯ " ประจำเดือนมีนาคม 2561 วันที่ 14 มีนาคม 2561 ภายในตำบลเทพนคร รวมทั้งสิ้น 18 ราย ร่วมเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๖๑ จังหวัดกำแพงเพชร ทั้งนี้ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการสนับสนุนน้ำดื่ม จำนวน 50 แพ็ค ไว้บริการสำหรับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดสกัด จุดบริการ ในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ กับเจ้าหน้าที่ทุกท่านร่วมใจสร้างความปลอดภัยทางถนน สนับสนุนป้ายไวนิล 10 ผืน เสาหลักจราจรล้มลุก 100 ต้น และ น้ำตาลทราย 50 กิโลกรัม ให้กับแขวงทางหลวงกำแพงเพชร และ ป้ายไวนิล 6 ผืน น้ำตาลทราย 50 กิโลกรัม ให้กับตำรวจทางหลวงนครชุม.นครเพชรสร้างเสริมสังคมน่าอยู่
สนับสนุนดำเนินการส่งเครื่องจักร. และเจ้าหน้าที่ ดำเนินการขุดลอกคลอง เปิดทางน้ำให้ไหลสะดวก ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ตำบลเทพนคร เนื่องจากก่อนหน้านี้ พบว่า พื้นที่การทำเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมขัง ความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร. บริเวณหมู่ 15 บ้านศรีนคร ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร มอบงบประมาณสนับสนุนเงินรางวัลรวมกว่า 18,000 บาท ในพิธีเปิดและปิดโครงการแข่งขันกีฬาฟุตบอลบ้านท่าตะคร้อคัพ ต้านภัยยาเสพติด พ.ศ 2561 ณ สนามกีฬาโรงเรียนบ้านท่าตะคร้อ หมู่ 5 บ้านท่าตะคร้อร่วมกับสถานประกอบกิจการ ภายในจังหวัดกำแพงเพชร เข้าร่วมกิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดโลก(26 มิถุนายน) จ.กำแพงเพชร ประจำปี 2561 เพื่อสร้างเครือข่ายแรงงานป้องกันยาเสพติดภายในจังหวัดฯ พร้อมทั้งจัดตั้งบูธนิทรรศการให้ความรู้และกิจกรรมมหาสนุกมากมาย
อนึ่ง บริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มบ้านโป่ง ซึ่งกลุ่มบ้านโป่ง ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2517 โดยเริ่มผลิตน้ำตาลด้วยวิธีโบราณโดยใช้แรงงานคนและสัตว์ จากนั้นธุรกิจได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งความต้องการของน้ำตาลเพิ่มสูงขึ้นเกินกำลังผลิต ทางกลุ่มฯ จึงพัฒนาวิธีการผลิตมาเป็น การใช้เครื่องจักรกลที่ทันสมัยในขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งความใส่ใจในคุณภาพซึ่งถือเป็นรากฐานในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มฯ
นอกจากนั้นกลุ่มบ้านโป่งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เพราะเราเชื่อว่าบุคลากรคือทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของเราธุรกิจของกลุ่มบ้านโป่งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มจากโรงงานน้ำตาลทรายแดงเล็กๆ ที่ผู้บริหารมุ่งมั่นใส่ใจในการผลิตและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่ จนปัจจุบันมีโรงงานผลิตน้ำตาลขนาดใหญ่ที่มีเครื่องจักรทันสมัยถึง 2 โรงงานด้วยกัน คือ โรงงานน้ำตาลบ้านโป่ง ตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี และโรงงานน้ำตาลนครเพชร ตั้งอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร
ด้านนางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวถึงปริมาณอ้อยปีการผลิต 2560/2561 เข้าหีบสูงถึง 135 ล้านตัน ซึ่ง “สูงกว่า” ปกติถึง 40%(92 ล้านตันในปีการผลิต 2559/2560) ดังนั้น สอน.จึงคาดการณ์ปริมาณอ้อยจะเข้าสู่ภาวะปกติในปี 2561/2562 ขณะที่ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2561/2562 เมื่อคำนวณแล้วจะเฉลี่ยอยู่เพียง 680 บาท/ตันเท่านั้น โดยเตรียมประกาศราคาอ้อยขั้นต้นในเดือนตุลาคมนี้ โดยราคาอ้อยที่ลดลงเป็นผลมาจากราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม ได้มีการกำหนดแนวทางเพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อย โดยจะส่งเสริมให้มีการนำ “น้ำตาลส่วนเกิน” ที่ส่งออกในราคาต่ำไปผลิตเป็นเอทานอลเพื่อผสมน้ำมันเบนซินในการจำหน่ายเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งแนวทางนี้จำเป็นต้องหารือกับทางกระทรวงพลังงานในการพิจารณาต่อไป เนื่องจากหากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกผลิตและจำหน่ายมากขึ้น ชาวไร่อ้อยก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น และเพื่อความยั่งยืนของระบบอ้อยและน้ำตาลทราย สอน.ยังเตรียมส่งเสริมให้มีการทำ “เกษตรแปลงใหญ่” โดยการรวมพื้นที่ปลูกอ้อยรายย่อยเข้ามาบริหารร่วมกันเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันที่จังหวัดบุรีรัมย์ และ “กลุ่มน้ำตาลมิตรผล” ได้ดำเนินการจัดทำต้นแบบการทำไร่อ้อยแบบสมาร์ทฟาร์มมิ่งอยู่ ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีการสนับสนุนจากโครงการสินเชื่อเพื่อรถตัดอ้อย ดอกเบี้ย 2% โดยในปีนี้ (2562) เตรียมที่จะของบประมาณเพิ่มอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท จากเดิมมีอยู่ 3,000 ล้านบาท (งบฯ 3 ปี) และใช้ไปแล้ว 1,800 ล้านบาท
ด้านนายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ถือว่าเป็นวิกฤตของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทีเดียว เมื่อราคาอ้อยขั้นต้นตกลงมาอยู่ที่ 680 บาท/ต้นอ้อย “กระทบต่อรายได้ชาวไร่อ้อยเป็นอย่างมาก” ดังนั้น ทางสมาพันธ์ได้ยื่นหนังสือต่อนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมไปเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมาเพื่อขอความช่วยเหลือ และในวันที่ 19 กันยายนนี้สมาคมชาวไร่อ้อยเตรียมเข้าพบนายอุตตมเพื่อหารือผลกระทบที่เกิดและแนวทางรวมถึงวิธีการช่วยเหลือก่อนเปิดหีบอ้อยในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
“แนวทางช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่เป็นไปได้และไม่ขัดกับข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ก็คือ การขอให้รัฐช่วยลดต้นทุนในส่วนของที่เป็นปัจจัยการผลิต ได้แก่ ปุ๋ย ให้มีราคาที่ถูกลงจากปัจจุบันการปลูกอ้อย 1 ไร่/ปุ๋ย 1 ลูก ราคา 500-600 บาท น้ำมันที่ใช้ในเครื่องจักรอย่างเครื่องตัดอ้อย หากได้รับน้ำมันที่มีราคาถูกลงก็จะช่วยลดต้นทุนให้ชาวไร่อ้อยได้มากขึ้น ส่วนปริมาณปลูกอ้อยลดลงเพราะราคาตกนั้นในครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุดเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ตอนนั้นมีกองทุนอ้อยฯที่ไปกู้เงินแล้วเอาเงินเข้ามาช่วยชาวไร่โดยรัฐ 150-160 บาท แต่กลายเป็นว่าการดำเนินการแบบนั้นเท่ากับรัฐบาลเข้าไปอุดหนุนจึงขัดกับข้อตกลง WTO และประเทศไทยถูกบราซิลฟ้อง มาปีนี้เราไม่มีเงินช่วยจากรัฐบาลแล้ว ดังนั้น ทางออกก็คือต้องลดต้นทุนการปลูกอ้อยเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้” นายนราธิปกล่าว
- date : 02-02-2019