TJEL ร่วมวงก่อสร้างโรงไฟฟ้าเบิกไพร+โรงไฟฟ้าพระนครใต้

TJEL จับมือพันธมิตรคุณภาพเดินหน้าก่อสร้างโครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ โครงการโรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น และโครงการโรงไฟฟ้านวนครส่วนขยายของบริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด (NNEG) ย้ำความพร้อมด้านประสบการณ์ ความรู้ความสามารถของบุคลากรและซัพคอนแทรคเตอร์ทำให้ได้รับความไว้วางใจตลอดมา

บริษัท ไทยจูรอง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (TJEL) เปิดเผยว่า ไทยจูรอง จัดตั้งขึ้นในเดือนธันวาคม 2531 เพื่อดำเนินธุรกิจการให้บริการด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างโรงไฟฟ้า รวมถึงก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท นอกจากนี้จูรองยังกระจายอยู่ในอีกหลายประเทศเพื่อรองรับงานก่อสร้างได้แก่ แอลจีเรีย, แอฟฟริกาใต้, พม่า, เวียดนาม, อิรัก, บาร์เรน, โอมาน, อินเดีย, บังคลาเทศ, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

ปัจจุบัน TJEL อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น และโครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวมถึงล่าสุดเซ็นสัญญญาอีพีซี คอนแทร็ค กับ บริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด เพื่อดำเนินการออกแบบวิศวกรรม จัดหาอุปกรณ์เครื่องจักร และก่อสร้างโครงการส่วนขยายโรงไฟฟ้านวนคร

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น ของบริษัท เบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น จำกัด ดำเนินการก่อสร้างในรูปแบบอีพีซี คอนแทร็ค (Engineering Procurement Construction Contract: EPC Contract) กับ The Consortium of Thai Jurong Engineering Limited and Jurong Engineering Limited ปัจจุบันมีความก้าวหน้าตามลำดับ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 62

อนึ่ง โครงการโรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น มีขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าประมาณ 100 เมกะวัตต์ และกำลังผลิตไอน้ำประมาณ 15 ตัน/ชั่วโมง ตั้งอยู่ต.เบิกไพร อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าประเภท Firm ระบบโคเจนเนอเรชั่น กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นเวลา 25 ปี

ส่วนโครงการ โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ 1 เครื่องที่ 1-5 บริษัทได้รับความไว้วางใจจากกิจการค้าร่วมบริษัทซีเมนส์ เอจี , บริษัท ซีเมนส์ จำกัด, บริษัทมารูเบนิ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ประมูลงานได้ให้เข้าดำเนินการก่อสร้างโดยมีระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 1 ปีกว่า

“โครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ 1 นี้เป็นการสร้างทดแทนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนพระนครใต้เครื่องที่ 1-5  เนื่องจากเมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 เครื่องที่1-3ได้หมดอายุไป ส่วนเครื่องที่4-5  ใช้เดินเครื่องในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยมีกำหนดปลดจากระบบทั้งหมดในปี 2561 กฟผ.จึงมีนโยบายในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้เดิม เพื่อสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าและการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในเมืองหลวง

การก่อสร้างดังกล่าวจะเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพสูงขึ้น จ่ายไฟฟ้าได้ตลอดทุกเวลา โดยใช้เทคนิคที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เชื้อเพลิงลดลง สามารถกำจัดมวลสารได้ดีขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นความร้อนแบบเพลาเดียวใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า โดยจะใช้เชื้อเพลิงเพียงวันละ200ล้านลูกบาศก์ฟุต ต่างจากโรงไฟฟ้าเก่าที่ใช้ถึง500 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทั้งนี้ จะใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรองมีกำลังผลิตสุทธิรวมประมาณ 1,230 เมกกะวัตต์ ที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ มีมูลค่างานก่อสร้างกว่า 18,405 ล้านบาท โดยมีกำหนดแล้วเสร็จและสามารถจ่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ปี 2562

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้านวนครส่วนขยายของบริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด (NNEG) นั้น บริษัทฯ และบริษัท ไอเอชไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด รวมถึงบริษัท จูรองเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว คาดว่าแล้วเสร็จเพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม ปี 2563

ทั้งนี้ บริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด (NNEG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน 3 ฝ่าย ประกอบด้วยบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ถือหุ้น 40% บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นฝ่ายละ 30% เดินหน้าก่อสร้างโครงการผลิตไฟฟ้านวนครส่วนขยาย กำลังผลิตติดตั้ง 60 เมกะวัตต์ และกำลังผลิตไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง มูลค่าโครงการประมาณ 3,105 ล้านบาท โดยกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2563 ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำรวมของโครงการผลิตไฟฟ้า นวนคร เพิ่มขึ้นเป็น 185 เมกะวัตต์ และไอน้ำ ประมาณ 40 ตันต่อชั่วโมง

สำหรับผลประโยชน์ที่คาดว่าบริษัทจะได้รับJurong Engineering Limited และ บริษัท ไทยจูรอง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ด้วยทั้ง 2 บริษัทเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบจัดหา ติดตั้ง อุปกรณ์ และก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่มีประเภทและขนาดกำลังการผลิตใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่บริษัทจะก่อสร้าง รวมทั้งเคยมีผลงานที่ดีในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของบริษัทและบริษัทย่อยมาก่อน

อนึ่ง ไทยจูรอง ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยที่ผ่านมาได้ส่งมอบโครงการทั้งโรงไฟฟ้า, โรงงาน, โรงถลุงเหล็ก, สะพานเทียบเครื่องบิน รวมถึงการติดตั้งกังหันก๊าซ, หม้อไอน้ำ, เครื่องกำเนิดไอน้ำ, ท่อ, งานไฟฟ้าและเครื่องมือวัด, ฉนวนกันความร้อนและภาพวาด, งานโยธาและอาคาร

ไทยจูรอง เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์มากที่สุดสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศไทย บุคลากรจึงเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญของไทยจูรอง ทั้งบุคลากรประจำของไทยจูรองเองและบริษัทซัพคอนแทรคเตอร์คุณภาพ จึงมุ่งมั่นพัฒนาทักษะผ่านการอบรมทั้งภายในและภายนอก รวมถึงประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติงานหน้างานจริงเพื่อเข้าใจและเรียนรู้วิธีการทำงานได้อย่างถูกต้อง

ในเรื่องการเทรนนิ่งบุคลากรนั้น ไทยจูรองจะให้ความสำคัญไปที่การอบรมทีมงานวิศวกรที่ยังมีอายุไม่มากในกรณีที่ต้องเรียนรู้เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าประเภทใหม่ที่ไทยจูรองยังไม่เคยทำ เพราะวิศวกรกลุ่มดังกล่าวมีโอกาสที่จะได้รับประสบการณ์ที่มากกว่าคนอายุ 40 ปีไปแล้ว จุดนี้จึงเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ไทยจูรองจะพยายามถ่ายทอดโนฮาวให้ทุกเจนเนอเรชั่นได้รับความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะถ้าไปเทรนนิ่งเฉพาะวิศวกรที่อยู่ในวัยกลางคนขึ้นไป อีกซักพักคนกลุ่มนี้ก็ต้องหมดวาระการทำงานลง ความรู้ก็จะไม่ถูกถ่ายทอดมาคนรุ่นหลัง

ขณะเดียวกันไทยจูรองมีการอัพเกรดความรู้ในการบริหารจัดการโครงการ การจัดตารางเวลาโครงการควบคุมงบประมาณ และการควบคุมวัสดุโครงการ และมีการประกันคุณภาพเพื่อให้แน่ใจว่าบริการและผลิตภัณฑ์มีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ที่สำคัญไทยจูรองจะรักษามาตรฐานความปลอดภัยในสถานที่ทำงานทั้งหมดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่

ไทยจูรองมีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัทแม่ที่ประเทศสิงคโปร์จูร่งวิศวกรรม จำกัด พร้อมนำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังให้เป็นแบบวันสต๊อปเซอร์วิส (Engineering, Procurement & Construction : EPC) ทั้งในส่วนข้อเสนอและการดำเนินการของโปรเจคด้านพลังงาน รวมถึงการให้บริการด้านวิศวกรรมการออกแบบ ตลอดจนผลกระทบด้านต้นทุนเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรฐานวิศวกรรมที่เป็นเลิศ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยต่างๆ ที่นำมาพิจารณาในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรม การปฏิบัติทางเทคนิค คุณภาพ การส่งมอบ การสนับสนุนการทำงานและบริการเพื่อให้แข่งขันได้เมื่อการจัดซื้อจัดหา ดังนั้นบริษัทฯ จะบริหารจัดการในการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโครงการ

ในส่วนของทีมบริหาร (EPC) จะมีการทำงานอย่างครอบคลุมกับฝ่ายก่อสร้าง และใกล้ชิดกันมากเพื่อให้แน่ใจว่าโครงการจะสามารถส่งมอบได้ทันตามเวลาที่กำหนดภายใต้คุณภาพฝีมือที่สูงของทีมงานไทยจูรอง

ส่วนงานก่อสร้าง เป็นอีกหนึ่งบริการของบริษัทฯ ที่ริเริ่มขึ้นมาตั้งแต่แรกของการเปิดดำเนินการและเป็นธุรกิจหลัก ซึ่งมีประสบการณ์ในงานก่อสร้างโรงงานด้านพลังงานและโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป โดยมีขอบข่ายการทำงานรวมถึงงานซีวิลและงานอาคาร

ดังนั้น บริษัทจึงเชื่อว่าความสำเร็จและความพึงพอใจของลูกค้าในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานภายใต้กรอบเวลาที่กำหนด และเข้มงวดกับการควบคุมคุณภาพ รวมถึงการทำงานที่ใกล้ชิดกับ บริษัทแม่ในสิงคโปร์ และสามารถให้บริการลูกค้าได้ในทุกเรื่อง ขณะที่การรักษามาตรฐานที่สูงของงานวิศวกรรมบวกกับความเป็นเลิศ ถือเป็นการปฏิบัติตามเทคนิคที่ เพื่อให้การดำเนินงานและราคาที่แข่งขันได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งได้ใช้ระบบการจัดการวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการทำงานของโครงการออกมาดีที่สุด

  • date : 17-11-2018